โปรแกรม gps
โปรแกรม gps GPS คืออะไร?ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (จีพีเอส) (Global positioning System : GPS) หรือ นาฟสตาร์ (Navstar) คือระบบดาวเทียมนำร่องโลก เพื่อระบุข้อมูลของตำแหน่งแล้วก็เวลาโดยอาศัยการคำนวณจากความถี่สัญญาณนาฬิกาที่ส่งมาจากตำแหน่งของดาวเทียมต่างๆที่โคจรอยู่รอบโลก สามารถเจาะจงตำแหน่ง ณ จุดที่รับสัญญาณได้ทั้งโลกไม่ว่าจะลักษณะอากาศแบบใด สามารถคำนวณความเร็วแล้วก็แนวทางเพื่อนำมาใช้ร่วมกับแผนที่สำหรับการติดตามยานพหานะ คน สัตว์ สิ่งของ และก็ยังคงใช้ร่วมกับแผนที่นำทางได้ดาวเทียมของจีพีเอสเป็นดาวเทียมที่มีวงโคจรระดับกลาง (Medium Earth Orbit: MEO) ที่ระดับความสูงโดยประมาณ 200 กม. จากพื้นแผ่นดิน ใช้การรับรองตำแหน่งโดยอาศัยพิกัดจากดาวเทียมขั้นต่ำ 4 ดวง สามารถการันตีตำแหน่งได้ครอบคลุมทุกจุดบนผิวโลก ตอนนี้ เป็นดาวเทียม GPS Block-II มีดาวเทียมสำรองราว 4-61 ดวงนอกจากระบบ GPS แล้วยังมี ระบบบอกพิกัดด้วยดาวเทียมอื่นๆยกตัวอย่างเช่น
8 เหตุผลที่ควรเลือกใช้บริการ GTS
ติด GPS รถยนต์
ประสบการณ์มากกว่า 8 ปี
การันตีด้วยประกาศนียบัตรมากมาย
ทีมวิศวกรชั้นนำระดับประเทศ
พัฒนาซอฟต์แวร์ระบบโลจิสติกส์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
Call Center 24 ชั่วโมง
โทรกลับหาลูกค้าทุกสายหากคู่สายเต็ม
ศูนย์บริการมืออาชีพมากกว่า 50 จังหวัด
ให้ลูกค้ามั่นใจสามารถเข้าแก้ไขได้ทุกที่
ผ่านการรับรองกรมการขนส่ง
ออกใบรับรองได้ภายใน 1 ชั่วโมง
รับประกันอุปกรณ์ตลอดอายุการใช้งาน
ภายใต้สัมปทาน 3G
โปรแกรมใช้งานง่ายเพียง 2 คลิ๊ก
ตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
บริการหลังการขายดีเยี่ยม
พูดคุยเป็นกันเองไม่ทอดทิ้งลูกค้า
GLONASS (Global Navigation Satellite System) เป็นระบบของรัสเซีย ที่พัฒนาเพื่อแข่งขันกับอเมริกา ใช้งานได้สมบูรณ์ทั้งโลกตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2555
Galileo เป็นระบบที่กำลังพัฒนาโดยสหภาพยุโรป ร่วมกับจีน อิสราเอล ประเทศอินเดีย โมร็อกโก ซาอุดิอาระเบีย ประเทศเกาหลีใต้ และก็ยูเครน จะแล้วเสร็จในปี พุทธศักราช 2553
Beidou คือระบบที่กำลังปรับปรุงโดยจีน โดยให้บริการเฉพาะบางพื้นที่ แต่ในอนาคตมีแผนการที่จะพัฒนาโดยให้ครอบคลุมทั่วทั้งโลกโดยจะใช้ชื่อว่า COMPASS
QZSS ระบบดาวเทียมของประเทศญี่ปุ่น ปฏิบัติภารกิจนานัปการ ช่วยเสริมการหาตำแหน่งด้วย GPS โดยเน้นย้ำพื้นที่ญี่ปุ่น ที่มีอาคารสูงบดบังสัญญาณ GPS สำหรับ QZSS ถูกออกแบบให้มีวงโคจรเป็นเลข 8 โดยเต็มระบบจะมีดาวเทียม 3-4 ดวง
10 ข้อควรพิจารณา เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับเพื่อการใช้รถยนต์ตอนหน้าฝนเมื่อไปสู่หน้าฝนก็จะเป็นตอนๆที่ทำให้ช่องทางเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนหนทางสูงมากขึ้นจากหลายๆสาเหตุ ทั้งยังฝนที่ตกลงมาทำให้ถนนหนทางลื่นควบคุมรถได้ยากขึ้น
อีกทั้งระยะการเบรกของรถก็มากขึ้นเรื่อยๆด้วยในตอนที่ถนนลื่น อีกทั้งแอ่งน้ำขังที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำตามริมถนน และขับรถมาเร็วๆอาจก่อให้กำเนิดอาการรถเหินน้ำได้ ซึ่งเหตุเหล่านี้เองที่ทำให้เหล่าผู้ขับขี่จะต้องใช้ความระวังเยอะขึ้นเรื่อยๆ จะต้องปรับแนวทางรวมทั้งแนวทางสำหรับเพื่อการขับรถให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนตกแบบนี้
1. ตรวจตราความพร้อมของรถระบบไฟส่องสว่างแล้วก็ไฟสัญญาณต่างๆภาวะของยางปัดน้ำฝน ระดับน้ำฉีดกระจก ระบบเบรก สภาพยาง ดอกยาง แรงกดดันลมยาง (ลมยางที่อ่อนเกินความจำเป็น แล้วก็ดอกยางที่ไม่เพียงพอ จะมีผลให้ยางรีดน้ำได้ลดลง และรถยนต์ไถลได้ง่าย)
2. เปิดไฟหน้ารถยนต์ให้เปิดไฟหน้ารถ, ไฟตัดหมอก(ถ้ามี) เมื่อฝนตกหนัก จะก่อให้ผู้ร่วมเดินทางผู้อื่นสามารถที่จะมองเห็นรถยนต์เราได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
3. ระวังในตอนฝนตกใหม่ๆช่วง 5 นาทีแรกที่ฝนตกใหม่ๆจะต้องใช้ความระแวดระวังเยอะขึ้นเป็นพิเศษ เพราะเหตุว่าถนนจะลื่นมากมายจากคราบดินรอยเปื้อนฝุ่นที่พึ่งพิงโดนน้ำ ทำให้เปลี่ยนเป็นโคลนซึ่งจะลื่นมากมาย
4. ใช้ความเร็วให้สมควรใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับทัศนวิสัยการมองมองเห็น รวมทั้งให้เว้นระยะจากรถยนต์คันหน้าให้มากกว่าเดิม 2 เท่า เพราะว่าถนนหนทางที่ลื่นทำให้การเบรกต้องใช้ระยะที่มากขึ้น รวมถึงการขับรถเร็วสูงก็ทำให้ควบคุมรถยนต์ได้ยากขึ้น รวมทั้งแม้พบแอ่งน้ำก็อาจจะเป็นผลให้รถโผบินน้ำจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
5. ไม่ควรเบรกกะทันหันหลบหลีกการเบรกทันควัน แล้วก็เบรกโดยไม่จำเป็น เนื่องจากว่าอาจก่อให้รถยนต์เสียการทรงตัวจนถึงไม่สามารถที่จะสามารถควบคุมรถยนต์ได้
6. เพิ่มการสังเกตบนถนนจุดที่มีน้ำขังบนถนนหนทาง หรือแอ่งน้ำด้านข้างเป็นสิ่งที่อันตรายมาก หากขับมาด้วยความเร็วสูงรถยนต์จะมีการเหาะน้ำ จนถึงไม่อาจควบคุมรถยนต์ได้
7. บริเวณน้ำท่วมขังการขับขี่รอบๆที่อุทกภัยขังให้สังเกตระดับความลึกจากรถยนต์คันหน้าหรือขอบทางเท้าริมทาง เพื่อประเมินสถานการณ์
8. ปิดระบบปรับอากาศขณะที่กำลังขับรถยนต์ลุยน้ำตอนที่ขับรถลุยรอบๆที่น้ำหลากขังให้ปิดระบบปรับอากาศ แล้วก็ใช้เกียร์ต่ำ(เกียร์ L หรือเกียร์ 1) เพื่อไม่ให้รอบเครื่องยนต์ต่ำเกินไปและน้ำอาจจะย้อนเข้าเครื่องยนต์ทางท่อไอเสียได้
9. ย้ำเบรกเป็นประจำภายหลังจากขับรถลุยน้ำมันหลักจากขับขี่รถผ่านรอบๆที่อุทกภัยขังมาแล้ว ให้ย้ำเบรกบ่อยๆเพื่อรีดให้ผ้าเบรกแห้ง คุ้มครองปกป้องการเบรกแล้วลื่น และแม้จำเป็นต้องหยุดรถยนต์เป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆด้วย ควรเลี่ยงการใช้เบรกมือด้วยเพื่อป้องกันอาการเบรกติด
10. ถ้าฝนตกหนักมากมายๆในกรณีที่ฝนตกหนักมากมายจนกระทั่งไม่สามารถมองเห็นระยะทางข้างหน้าได้เกิน 10 เมตร ควรจะหาที่ปลอดภัยหยุดรถ หรือหากจำต้องจอดข้างทางก็ให้เปิดไฟเร่งด่วนไว้ด้วย และคอยจนถึงฝนเบาลงก่อนจึงค่อยเดินทางต่อ
ข้อควรพิจารณาในการขนส่ง เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อการจัดการหัวข้อการขนส่งผลิตภัณฑ์ รวมถึงระบบโลจิสติกส์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างแม่นยำและก็มีประสิทธิภาพ เราจะมาเสนอแนะข้อแม้ที่ควรจะให้ความใส่ใจสำหรับการใคร่ครวญสำหรับในการขนส่งให้ตรงกับความอยากและก็มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจจะต้องอาศัยปัจจัยพวกนี้สำหรับในการควบคุมคุณภาพสำหรับเพื่อการขนส่ง
1. จำพวกของผลิตภัณฑ์เรื่องแรกเลยที่จะต้องให้ความสำคัญสำหรับเพื่อการขนส่งหมายถึงคุณต้องทราบดีว่าสินค้าของคุณเป็นอย่างไร ต้องบรรจุแบบใด ภาษีเท่าใด ใช้สิทธิพิเศษใดๆก็ตามได้หรือเปล่า ควรมีเอกสารสำคัญอะไรก็ตามแนบไปกับการขนส่งด้วยหรือเปล่า
จำเป็นต้องขอหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ควรต้องทราบก็เพราะว่า ผลิตภัณฑ์บางประเภทที่มีความเห็นว่าเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ธรรมดาๆใช้กันทั่วๆไป แต่ก็มีหลักเกณฑ์ข้อกำหนดสำหรับเพื่อการนำเข้าหรือส่งออกอยู่ด้วย บางครั้งอาจจะจำต้องขอในเรื่องที่ขนส่งข้ามเขตหรือจังหวัด แล้วก็การขนส่งเพื่อผ่านไปที่ประเทศอื่นๆด้วย
2. ขนาดของสินค้าภาชนะของการขนส่งผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดก็มีข้อกำหนดเรื่องขนาดต่างกันออกไป ถ้าเกิดสินค้ามีขนาดใหญ่มากก็บางทีอาจไม่สามารถที่จะใส่ในตู้สำหรับเก็บผลิตภัณฑ์ของรถยนต์ได้ บางครั้งอาจจะจำต้องแปลงภาชนะที่ใช้ใส่ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Flat Rack Container
ซึ่งมีคุณสมบัติที่ยืนหยุ่นมากยิ่งกว่าและสามารถรองรับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ได้ จึงบางครั้งอาจจะเหมาะอย่างยิ่งกว่า โดยเหตุนี้การจะขนส่งผลิตภัณฑ์แต่ละจำพวก ก็ควรทราบถึงกับขนาดของผลิตภัณฑ์นั้นๆด้วย
3. น้ำหนักของผลิตภัณฑ์รวมกับวัตถุดิบหีบห่อน้ำหนักรวมของสินค้าหรือ Gross Weight เป็นสิ่งที่ชั่งน้ำหนักจริงๆบรรทุกบนรถยนต์ขนส่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากว่าว่าจ้างรถยนต์ขนส่งสินค้า ส่วนนี้ก็จะนำไปคำนวณเป็นรายจ่ายที่จำต้องจ่ายให้กับบริษัทที่รับขนส่งสินค้า
และน้ำหนักของผลิตภัณฑ์นั้นๆก็ส่งผลต่อการเปลี่ยนที่วัตถุด้วยเช่นกัน ซึ่งหากไม่สามารถใช้คนยกได้ อาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้เครื่องจักรจัดแจงในส่วนนี้เพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้เสียค่าใช้จ่ายไปกับส่วนนี้โดยไม่จำเป็นก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดสามารถลดความอ้วนของอุปกรณ์พัสดุ หรือน้ำหนักรวมพัสดุภัณฑ์ต่อชิ้นลงได้ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำลงด้วยเช่นกัน
4. ต้นทางและก็ที่หมายปลายทางการขนส่งสินค้าในแต่ละจังหวัด ภูมิภาค หรือแต่ละประเทศ ล้วนแล้วมีความแต่งแตกต่างไปตามแต่ละสถานที่ โดยเหตุนั้นจึงควรมีการวางเป้าหมายให้ดีสำหรับเพื่อการเดินทางเพื่อไปส่งสินค้าในแต่ละพื้นที่
เนื่องจากว่าบางพื้นที่บางทีอาจจะจำเป็นที่จะต้องขึ้นเขาสูง ทางโค้งมาก ทำให้ลำบากสำหรับเพื่อการใช้รถ การขนส่งผลิตภัณฑ์บางทีก็อาจจะไม่สามารถที่จะบรรทุกสินค้าได้มากพอๆกับที่เคยบรรทุกเพื่อไปอีกที่ ที่อาจจะเป็นถนนที่สามารถใช้รถยนต์วิ่งได้อย่างสะดวกสบาย
5. จำนวนวันที่ใช้เพื่อสำหรับการขนส่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังให้ดี เนื่องจากยิ่งระยะทางไกลยิ่งจะต้องใช้เวลามากมายในการขนส่งผลิตภัณฑ์เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย หรือแม้แต่ในเรื่องที่ระยะทางเท่ากันแม้กระนั้นผลิตภัณฑ์ที่ขนส่งนั้นเป็นคนละชนิดกัน
ก็อาจทำให้ใช้เวลาสำหรับการขนส่งที่แตกต่าง บางชนิดที่บรรทุกแล้วรถสามารถวิ่งได้เร็ว บางประเภทรถยนต์วิ่งได้ช้า บางคราวอาจใช้เวลามากจนกระทั่งทำให้เกินกำหนดที่จะจำต้องส่งสินค้าไปเลยก็มี ทำให้เสียความน่าเชื่อถือ เสียภาพลักษณ์ของบริษัท
หรือของบางสิ่งบางอย่างถ้าถึงจุดหมายปลายทางช้าไปแล้วทำให้ของเสียหรือหมดอายุก่อน สิ่งต่างๆพวกนี้อาจจะเป็นผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปอีก เพื่อจะชดเชยหรือสิ่งใช้เป็นสิ่งใดๆตามที่จะตกลงกัน ส่วนนี้นี่เองที่ีธุรกิจที่มีระบบระเบียบการขนส่งสินค้าเข้ามาเกี่ยวข้องจำเป็นต้องช่างน้ำหนักให้ดีๆ
สำหรับเพื่อการขนส่งและก็เวลาที่ใช้ในลัษณะของการขนส่ง ซึ่งช่วงเวลาที่ใช้เพื่อการขนส่งสินค้าชอบแปรผกผันกับรายจ่าย แต่ถ้าเกิดช้าเหลือเกินก็อาจทำให้จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายมากยิ่งกว่าเดิมอีกเยอะแยะ
6. ทุนสำหรับการขนส่งสาเหตุที่สำคัญที่สุดอีกอย่างต่อการทำธุรกิจก็อาจจะหนีไม่พ้นเรื่องเงินลงทุน ซึ่งเป้าหมายหลักก็คือ การลดทุนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์และก็ระยะเวลาในการขนส่งมากนัก
ด้วยเหตุผลดังกล่าวการจัดการในประเด็นนี้ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะทำส่งสินค้าการขนส่งสินค้าโดยรถยนต์หรือรถบรรทุก tracking เป็นการขนส่งยอดนิยมสูงสุดหากขนส่งภายในประเทศ โดยตอนนี้ได้มีการสร้างถนนหลายสายเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดต่างๆโดยมีกรุงเทพฯฯ
เป็นศูนย์กลางของการขนส่ง ซึ่งการขนส่งทางรถยนต์หรือรถบรรทุกนี้สามารถที่จะขจัดปัญหาในด้านการจำหน่ายสินค้าของธุรกิจต่างๆได้เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ามีความสะดวก เร็วทันใจ สามารถส่งสินค้าไปถึงผู้บริโภคหรือผู้ใช้งานได้โดยตรงข้อดี/ข้อด้อย ของการขนส่งทางรถยนต์หรือรถบรรทุก
ข้อดี:
1. สามารถให้บริการได้ถึงที่ โดยไม่ต้องมีการถ่ายโอน
2. ขนส่งผลิตภัณฑ์ได้ตลอดเวลา และตรงตามความจำเป็นของลูกค้า
3. สบาย, รวดเร็ว
4. เหมาะกับการขนส่งในระยะสั้นและระยะกลาง
5. เป็นตัวเชื่อมจากการขนส่งในรูปแบบอื่นๆที่ไม่สามารถที่จะขนส่งไปยังเป้าหมายได้โดยตรงข้อบกพร่อง:
- มีความปลอดภัยต่ำ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
- ขนส่งผลิตภัณฑ์ได้ในขนาดรวมทั้งปริมาณที่จำกัด
- ตั้งเวลาที่แน่ๆได้ค่อนข้างจะยาก เพราะเหตุว่าขึ้นอยู่กับต้นเหตุหลายสิ่งหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น จากภาวะการจราจรแล้วก็สภาพภูมิอากาศ
เทคโนโลยี A-GPS คืออะไร?
A-GPS ย่อมาจาก Assisted GPS จะเป็น GPS (Global Positioning System) ที่ต้องมีข้อมูลเกื้อหนุนผ่านระบบ GPRS (General Package Radio Service) ซึ่งจะเป็นการรับส่งข้อมูลโดยอาศัยโครงข่ายระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ แทนการรับข้อมูลที่ได้รับมาจากดาวเทียม GPS
เพียงอย่างเดียว ที่อาจจะใช้เวลานานและไม่สามารถรับสัญญาณได้ในสถานที่ที่มีความจำกัดเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภายในตัวอาคาร หรือที่อับสัญญาณ GPS ต่างๆรูปแบบการทำงานของ A-GPS มีดังนี้
1. ช่วยเหลือข้อมูลวงจรแล้วก็เวลาปัจจุบันผ่านระบบ GPRSธรรมดาแล้วเครื่องไม้เครื่องมือรับสัญญาณ GPS ต้องรับข้อมูลต่างๆจากสัญญาณที่ส่งจากดาวเทียม GPS โดยตรง ซึ่งใช้เวลานาน ภายหลังก็เลยพัฒนา A-GPS ขึ้น ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงการรับส่งข้อมูลทั้งหมดให้ผ่าน GPRS
โดยข้อมูลจะได้มาจาก GPS Base Station ซึ่งคอยรับข้อมูลตอนนี้และก็เวลาจากดาวเทียม GPS โดยตรง การใช้งานผ่านส่วนนี้จะมีผลให้เครื่องมือสามารถรับสัญญาณได้รวดเร็ว เนื่องจากว่าอุปกรณ์รับ GPS สามารถรับข้อมูลที่ได้มาจากอีกทั้ง 2 ทาง การรับข้อมูลผ่านโครงข่าย GPRS จะสามารถรับข้อมูลได้เร็วกว่าข้อมูลที่ได้รับมาจากดาวเทียม GPS มากมาย
2. รับข้อมูลตำแหน่งโดยประมาณจาก GPRSนอกเหนือจากการที่จะได้ข้อมูลที่จำเป็นต้องสำหรับในการหาตำแหน่งของเครื่องมือรับสัญญาณ GPS ผ่านโครงข่าย GPRS แล้ว ระบบ GPRS จะส่งข้อมูลเพื่อบอกตำแหน่งอย่างคร่าวๆให้กับเครื่องใช้ไม้สอยรับสัญญาณ GPS ได้อีกด้วย
ด้วยเหตุว่าวัสดุอุปกรณ์จำเป็นที่จะต้องอยู่ในรัศมีที่ทำการของ Cell Phone Location ทำให้วัสดุอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS สามารถที่จะทราบตำแหน่งของตนเองอย่างคร่าวๆก่อนที่จะรับสัญญาณจากดาวเทียม GPS ได้เสียอีก ทำให้การประมวลผลเพื่อหาตำแหน่งอย่างพิถีพิถันนั้น
ทำเป็นเร็วทันใจยิ่งขึ้นจากเหตุผลที่กล่าวมา ทำให้เทคโนโลยี A-GPS สามารถทำงานได้เร็วกว่าการรับสัญญาณ GPS ทั่วไป 5-10 เท่า โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 วินาที แม้กระนั้นอย่างไรก็ตามเทคโนโลยี A-GPS ก็ยังมีข้อกำหนดอยู่บ้าง ดังนี้
1. เทคโนโลยี A-GPS ไม่ใช่ของฟรีถ้าต้องการจะใช้เทคโนโลยี A-GPS ให้กับอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS นั้น ที่ส่วนใหญ่จะเป็นสมาร์ทโฟน ก็จึงควรเปิดบริการ GPRS หรือ EDGE กับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ซึ่งก็ควรมีรายจ่ายเสริมเติมเข้ามาในส่วนนี้
2. มีพื้นที่การให้บริการที่จำกัดการให้บริการ A-GPS จะสามารถใช้งานได้ในที่ที่มีสัญญาณของเครือข่ายโทรศัพท์เพียงแค่นั้น ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าจะซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องเพื่อมาใช้นำทางสำหรับการเดินป่าก็คงไม่เหมาะสมนัก เพราะมันจะกลายเป็นแค่ GPS ธรรมดา
สนใจติดต่อแอดไลน์ @GeniusGTS