หนังครอบครัวหัวขาด

หนังครอบครัวหัวขาด

หนังครอบครัวหัวขาด  Headless Family หัวหลุดแฟมิลี่

หนังครอบครัวหัวขาด เรื่องย่อหนัง หัวหลุดแฟมิลี่ ครอบครัววิศวกรกินค่าตอบแทนต่อเดือน ที่มี ดิ่ง (จตุรงค์ ม๊กจ๊ก) เป็นผู้บังคับบัญชาครอบครัว กันตา (เมทินี กิ่งโพยม) แม่บ้านที่แสนดี และลูกชายที่เรียกได้ว่าหล่อ หนังครอบครัวหัวขาด จนเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ อย่าง บราซิล (โก๊ะตี๋ อารามบอย) ต้องมาประสบพบเห็นกับความสับสนเมื่อตรงอยากพาครอบครัวไปเที่ยว แต่รถเจ้ากรรมดันมาพังต้องนั่งรถไฟดูบรรยากาศแทน และนี่ก็ฯลฯกำเนิดของสถานะการณ์ที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด เมื่อทั้งสามกลับมาบ้าน ต่างคนต่างจำเป็นต้องตกใจเมื่อรู้ดีว่าตนนั้นแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ประหลาด หัวหลุดแต่ไม่ตาย ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวประเด็นนี้ให้ทุกคนในครอบครัวทราบ

Headless Family หัวหลุดแฟมิลี่
ความยาว
1:25:44
วันที่เพิ่มอีก
16 May 2018
ผู้กำกับ
โก๊ะตี๋ อารามบอย
เขียนบท
จาตุรงค์ มกจ๊ก
นักชี้ให้เห็น
โก๊ะตี๋ อารามบอย
จาตุรงค์ มกจ๊ก
เมทินี กิ่งโพยม
พิมพ์ชนก พลบูรณ์
อาคม ปรีดากุล
ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์
ธีรธร พลบูรณ์
วรินดา ดำรงผล
เชาวลิต ศรีมั่นคงธรรม

ไม่ว่าจะถูกดุถูกด่าหรือได้รับคำชมยังไง แต่นั่นก็ดูอย่างกับว่าว่าจะไม่สามารถปิดกั้นกระแส “เฮฮากำกับหนัง” และล่าสุด กับ “หัวหลุดแฟมิลี่” โดยตลกโปกฮาร่างเด็กแต่หุ่นอวบ “โก๊ะตี๋ อารามบอย” ก็ถูกปล่อยสู่สายตาคนดูเป็นที่เรียบร้อย โดยมีเสียงตอบรับสองเสียงยืนคอยอยู่ข้างหน้า คือ “ด่า” และ/หรือ “ชม” ตามเคย (หรือบางครั้ง อาจจะมี “เฉยๆ” แทรกแซมอยู่ส่วนหนึ่งส่วนใด)

ยังไม่จึงควรไปเอ่ยถึงเนื้อเรื่องหรือบทหนัง, ทิศทางหรือรูปแบบของ “หัวหลุดแฟมิลี่” ยังคงเข้มแข็งในอุดมการณ์ “หนังขบขัน โดยขบขัน และเพื่อตลกขบขัน!!” แบบเดียวกับที่ขำขันรุ่นพี่เคยทำไว้เมื่อก่อน นั่นก็คือ การเน้นขายความฮาอารมณ์ขันซึ่งเสิรฟ์ส่งมุกน่าหัวเราะเกือบจะทุกๆ สองนาที ส่วนจะขำหรือเปล่าขำ ก็ถือเป็น “เรื่องส่วนตัว” ที่จำเป็นที่จะต้องว่ากันไปเป็นรายบุคคล

แต่โดยเฉพาะบุคคล ก็กล่าวได้แบบไม่ควรต้องกลัวเสียภาพลักษณ์เลยครับว่า ที่ผ่านๆ มา

ผมก็เป็นคนนึงซึ่งเคยขำกับการเล่นมุกตลกโปกฮาหลาย มุกของคุณโก๊ะตี๋ แต่ไม่ทราบเป็นยังไง กับงานชิ้นนี้ “หัวหลุดแฟมิลี่” ทั้งๆ ที่คุณโก๊ะตี๋หมั่นเพียรหยอดมุกเกือบจะไม่มีพักยก แต่ผมกลับมีความรู้สึกว่า “ต่อมน่าหัวเราะ” ของผมกับโก๊ะตี๋จะจูนกันไม่ติดเอาเสียเลย!! (หมายต้นสายปลายเหตุ : ที่บอก “ไม่กลัวเสียรูปลักษณ์” นั้น ด้วยเหตุว่าผมปรากฏอย่างนี้ครับว่า มันมีคนบางจำพวกที่ยังคิดว่า หากชมหนังขำขัน ถูกใจตลกขบขัน แล้วไร้คลาส เหมือนหมวดที่เข้าใจว่า หากรับฟังเพลงลูกทุ่งหรือคันทรี่แล้วดูเชย ซึ่งผมการันตีเลยว่าไม่จริง เนื่องจากว่าถ้าคุณ Happy กับมันได้ ไม่ว่าหนังตลกขบขันหรือหนังอาร์ต มั๊ยว่าเพลงแจ๊ซหรือลูกทุ่ง กลุ่มนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย)

…นอกเหนือออกมาจากรับหน้าที่กำกับหนังเป็นครั้งแรก “โก๊ะตี๋ อาราบอย” (เจริญพร อ่อนละม้าย) พ่วงตำแหน่งทำให้รู้นำในบทของ “บราซิล” เด็กหนุ่มที่ไม่เพียงมาพร้อมกับความเก่งอย่างร้ายกาจ (ราวๆ “อับดุล” ที่สอบถามอะไรทราบหมด) แต่ยังเป็นหนุ่มฮอตประจำโรงศึกษาเล่าเรียนที่สาวๆ ต่อแถวเข้ามาขอเป็นคนรัก ก่อนที่จะอกหักกลับไปครั้งละคน ตอนที่สถานภาพทางครอบครัว ก็จัดได้ว่าบราซิลเป็นผู้คนที่ค่อนข้างจะมีอันจะกิน โดยมีพ่อ (จตุรงค์ ม๊กจ๊ก) เป็นบุคลากรบริษัทนักวางแบบที่กำลังจะได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้จัดการ ส่วนแม่ (เมทินี กิ่งโพยม) เป็นแม่บ้านล้ำยุคที่แต่งตัวสวยเริ่ดเฉิดฉายรายวัน

หลังใช้เวลาโดยประมาณสิบนาทีสำหรับในการแนะนำตัวละครและสถานที่ที่เกี่ยวเนื่อง หัวหลุดแฟมิลี่ก็พาตัวของเราเองเดินเข้าสู่ Turning Point เมื่อครอบครัวของบราซิลไปเที่ยวเมืองกาญจนบุรีด้วยการสัญจรโดยรถไฟ แต่ในระหว่างทางได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น สมาชิกครอบครัวทั้งสามเดินทางกลับไปอยู่ที่บ้านในกลางดึกพร้อมความงุนงงในเสียงสุนัขที่เห่าหอนต้อนรับกันอย่างพร้อมเพรียง และถัดจากนั้น ไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนั้น แต่ละคนก็เริ่มเผชิญว่า ศีรษะของตนเอง “หลุด” แต่สามารถเก็บมาต่อใหม่ได้ และที่น่าเซอร์ไพรส์ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกเขายังไม่ตาย!!

เนื่องจากเป็น “หนังขำขันทำ” จุดแข็งของหนังย่อมหนีไม่พ้นความตลก (แต่จะขำหรือเปล่าขำนั่นก็อีกเรื่อง)

ดังที่เราจะมีความเห็นว่า ตั้งแต่เปิดเรื่องมา หนังบากบั่นอัดมุกตลกขบขันบรรจุคนชมอยู่เสมอเกือบทุกช็อตทุกฉาก แต่พ้นออกมาจากนี้ ผมมีความรู้สึกว่า โก๊ะตี๋มีไอเดียสร้างสรรค์เล็กๆ เล็กน้อยๆ ให้สังเกตเห็นอยู่เช่นเดียวกัน อย่างต่ำที่สุด การบอกเรื่อง “คนหัวหลุดแต่ยังไม่ตาย” ก็คือของใหม่ชิ้นหนึ่งซึ่งหนังจับมาเล่นได้ไม่ซ้ำใคร (ถึงแม้ลึกๆ เราจะรู้สึกว่า มันก็คือสปีชี่ส์เดียวกันกับหมู่ “ผีหัวขาด” ก็ตามที) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหนังนำเสนอรูปของนักเนื้อหาข้อมูลข่าวสารที่มารุมล้อมห้อมบ้านของบราซิลเพื่อจะรอจับรูป “คนหัวหลุด” หรือแม้จนถึงการที่ครอบครัวของบราซิลได้ไปออกรายการทีวีเหมือนกับๆ ของเมืองนอก ไม่ว่าจะโก๊ะตี๋จะเอาใจใส่มั๊ยใส่ใจ แต่มันก็มีนัยยะที่โยงใยไปถึงสังคมที่เป็นอยู่จริงได้ด้วยเช่นกัน…มันคือสังคมที่บ้าจี้และพร้อมจะแตกตื่นฮือฮาไปกับของแปลกๆ ประหลาดๆ ทุกๆ อย่างได้ตลอดเวลา

ตอนเดียวกัน อีกจุดหนึ่งซึ่งผมมีความคิดว่าหนังเกือบไปได้สวยก็คือ การตั้งชื่อจริงละครคนข้างบ้านของบราซิลว่า “สังคม” (ค่อม ชวนชื่น) ผู้คอยแอบด้อมๆ มองๆ พิจารณาการณ์ความเป็นไปในบ้านของ “ครอบครัวหัวหลุด” ก่อนที่จะเอาเรื่องไปพูดนักเนื้อหาข้อมูลข่าวสาร โดยในบางจังหวะ ดูเหมือนว่าหนังมีความมานะบากบั่นพอสมควรที่จะก่อให้ “คุณสังคม” เป็นตัวส่งสะท้อนถึง “สังคม” (ซึ่งก็คือ สังคมที่พวกเราสังกัดโดยมีผู้คนอันมากมายรวมกันอยู่) ว่ามีส่วนสร้างผลกระทบทั้งไม่ดีและด้านบวกต่อชีวิตของ “ปัจเจกบุคล” หรือ “ชีวิตเฉพาะบุคคล” ของผู้อื่น ยังไงบ้าง แต่หนังก็แตะประเด็นนี้เพียงแค่ผ่านๆ ทำให้สารในส่วนนี้ไร้น้ำหนักพอเพียงที่จะกระทบวิชาการสึกของคนชม หรือสร้างแรงสะเทือนใจได้อย่างที่ควรจะเป็น

เหนืออื่นใด ผมคิดว่า หนังเรื่องนี้มีต้นทุนดีพอสมควรในทางของชื่อซึ่งมีคำว่า “แฟมิลี่” (Family) รวมอยู่ด้วย และน่าจะเป็นโอกาสให้หนังทำให้ทราบไอเดียเกี่ยวกับครอบครัวได้บ้าง แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ หนังกลับไม่ได้กล่าวถึงมุมมองอะไรที่เป็นแฟมิลี่ๆ เลย โอเคว่า สมาชิก พ่อ แม่ ลูก มีครบตามรูปพรรณของแฟมิลี่ทั่วๆ ไป แต่อะไรล่ะที่หนังต้องการจะบอกผ่านครอบครัวนี้ ความรักหรือ? ความเข้าใจหรือ? ความอบอุ่นหรือ? หรืออุปสรรค? ไร้เลย

ด้วยประการฉะนี้ ถึงแม้ว่า “หัวหลุดแฟมิลี่” จะทำเก๋ด้วยการวางจุดหักมุมไว้เซอร์ไพรส์คนชมในตอนท้ายเรื่อง แต่ก็เป็นการหักมุมที่ไม่มีจุดหมาย (เหมือนนิยายเล่มละห้าบาทที่หลอกคนอ่านให้ลุ้นไปเรื่อยๆ ก่อนจะเฉลยในระหว่างจบว่า เออ เรื่องก่อนหน้าที่ผ่านมาทั้งหมดทั้งมวลนั้น เค้าแค่ฝันไปนะ ตัวเอง!!) การหักมุมจะต้องมีจุดหมายของมัน ซึ่งในหนังหัวข้อนี้ ผมลองคิดเล่นๆ เผื่อคุณโก๊ะตี๋จะมีความสนใจว่า หากหนังจะวางคาแรกเตอร์ของบราซิลให้เป็นเด็กไม่เอาไหน เกเรดื้อด้าน แล้วใช้สอยการหักมุมนั้นเป็นจุดแปลงให้เขาหันมามองตัวเราเองหรือครอบครัวด้วยสายตาแบบที่ไม่เหมือนเดิม ผมว่า เท่านี้ก็อาจจะพอที่จะทำให้หนังมี “เนื้อหาหลัก” ที่แข็งแรงขึ้นมาได้บ้างล่ะ และแน่นอน มันจะทำให้ภาพของความเป็นหนังครอบครัวแจ้งชัดขึ้นด้วย โดยไม่มีความจำเป็นต้องไปคิดสเกลเนื้อหาที่มันลึกซึ้งอะไรไม่น้อยเลยทีเดียว

สรุปก็คือ “หัวหลุดแฟมิลี่” มีสถานะการณ์ (Story) ที่จะบอกเล่าอยู่จริง และหนังก็เล่าไปได้จนจบ (ขั้นต่ำๆ ก็ดีกว่า “หนังตลกโปกฮาทำ” ยุคแรกๆ โดยมาก ที่สักแม้กระนั้นเอามุกฮาๆ มาร้อยต่อกันโดยไร้ความเกี่ยวเนื่องต่อเนื่องของเหตุการณ์) แม้กระนั้น สิ่งที่ผลงานชิ้นนี้ของคุณโก๊ะตี๋ขาดไปก็คือ “เนื้อหาหลัก” หรือ “แก่นเรื่อง” (Theme) ที่จะสื่อสาร ก็อย่างที่ผมพูดว่า หนังประเด็นนี้สามารถเข้าไปแตะประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวได้ แต่หนังก็ไม่ทำ ดังนั้น การหัวหลุดของคนในครอบครัวบราซิล ก็เลยเป็นอะไรไม่ได้มากไปกว่าการ “หัวหลุด” เพื่อเรียกเสียง “หัวเราะ” แต่ไม่ได้กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการเรียนอะไรเลย (อย่ากล่าวนะขอรับว่า ฉากที่บราซิลและพ่อแม่ของเขาร้องห่มร้องไห้ในตอนใกล้ๆ จบนั้นสื่อสะท้อนถึงความรักความผูกพันของคนในครอบครัว เนื่องด้วยฉากนั้นน่ะ ชมยังไง ผมว่า มันก็น่า “อเนหน้าจอนาถ” และ…“สยึ๋มกึ๋ยส์” มากยิ่งกว่า)

อีกส่วนหนึ่งส่วนใดซึ่งจำเป็นควรต้องกล่าวถึงก็คือ การชี้ให้เห็นของนักส่อให้เห็นหลายๆ คนที่โอเว่อร์แอ็กติ้งจนทำลายความสมจริงไปอย่างไม่น่าจะเป็น ได้แก่ เลขลำดับาฯ ของคุณตรง ช่วงเวลาที่เธอทำท่าวี้ดว้ายนั้น ชมอย่างไรก็ไม่น่าที่จะใช่วิสัยที่คนปกติทั่วๆ ไปเขาทำกัน ซึ่งจุดนี้ จะโทษนักทำให้ทราบมิได้เด็ดขาด เพราะมันขึ้นกับ “สายตา” ของคนกำกับว่าจะปล่อยมากเล็กน้อยมากแค่ไหน

และท้ายที่สุด ถ้าหากขบขันรุ่นใหญ่อย่างโน้ต เชิญยิ้ม เคยล้มไม่เป็นท่ามาแล้วกับ “คนปีมะ” ก่อนจะพยุงกายลุกขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จกับ “หลวงพี่เท่ง” ผมมีความคิดว่ามันก็คงจะไม่น่าใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด หากโก๊ะตี๋อาจจะจึงควรทำใจยอมรับกับคำตอบที่จะตามมาจาก “หัวหลุดแฟมิลี่” เพื่อจะแข็งแรงขึ้นในผลงานชิ้นต่อไป…

โปรโมชั่น

สมัครใหม่ฝาก 300 รับ 400 บาท ฝาก 500 รับ 700 บาทTurn Over 5 เท่า

โปรย้ายค่าย รับโบนัส 100% ของยอดฝาก

ฝากแรกของวัน รับโบนัส 5% สูงสุด 1,000 บาท Turn over 10 เท่า

เพื่อนฝากครั้งแรกรับ 20% สูงสุด 300 บาท

คืนยอดเสีย 4.8% สูงสุด 7,000 บาท

สอบถามข้อมูล ได้ที่ Line @viewbet369

หนังครอบครัวหัวขาด

https://moonbigpapi.com/