โรงงาน ผลิต อาหารเสริม

โรงงาน ผลิต อาหารเสริม

โรงงาน ผลิต อาหารเสริม

โรงงาน ผลิต อาหารเสริม การเริ่มต้นทำธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยอีกทั้งความฝัน ความนึกคิด การวางเป้าหมาย แรงใจรวมทั้งกำลังกาย พวกเรามิได้พูดว่ามันง่าย แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่มีเป้าประสงค์ว่าอยากได้ที่จะ “ขาย” แต่ว่ายังตัดสินใจมิได้ว่าควรจ้าง โรงงานรับผลิต หรือ ผลิตเอง โดยที่ไม่ต้องการที่จะอยากลองไปแบบผิดๆถูกๆเราก็เลยรวบรวมข้อมูลเพื่อเทียบส่วนที่ดีและส่วนที่เสีย โรงงานผลิต อาหารเสริม ระหว่าง จ้างโรงงานรับผลิต แล้วก็การผลิตเองในทุกส่วน เพื่อประกอบกิจการตัดสินใจสำหรับเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจในคราวนี้

การว่าจ้างโรงงานรับผลิต

การจ้างโรงงานรับผลิตเป็นการที่ผู้จ้างผลิต ว่าจ้างให้โรงงานผลิตสินค้าในแบบที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นสรับประทานห่วงใย เครื่องแต่งตัว อาหารเสริม คอลลาเจน สบู่ ผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิวหน้า – ผิวกาย ฯลฯ ซึ่งนายจ้างผลิตหรือเจ้าของแบรนด์บางทีอาจจะใช้สูตรที่คิดขึ้นมาเอง หรือ ให้บริษัทปรับปรุงสูตร แกะสูตรใหม่ ก็ได้ด้วยเหมือนกัน ขึ้นกับการเจรจากติกาต่างๆก่อนที่จะมีการสั่งผลิต เมื่อเสร็จสิ้นวิธีการจ้างก็สามารถนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเพพื่อขายได้

จุดเด่น

1.ชี้ให้เห็นทุนการสร้างสินค้าต่อชิ้น ต่อล็อตได้ทันที คุมทุนได้ ใช้เงินลงทุนน้อย ไม่ทำให้งบประมาณแย่ลงกว่าเดิม ลดเงินลงทุนทั้งยังในส่วนของเครื่องมือ แนวทางการผลิต และการศึกษาค้นคว้าวิจัยปรับปรุงสูตร ลดปัญหาหยุมหยิมซ้ำซ้อนต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับผู้ริเริ่มสร้างแบรนด์ ทั้งนี้ เมื่อเงินลงทุนการสร้างน้อยลง การตลาดที่ดีก็ตามมา สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การตั้งราคาด้ามจับต้องได้ของผลิตภัณฑ์ ความมีเหตุมีผลนี้เองทำให้คนซื้อเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้น หรือ ตัวสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าที่เจ้าของแบรนด์ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนแรก

2.การซัพพอร์ตในเรื่องใบอนุญาต รวมทั้งการออกแบบแพคเกจจิ้ง บริษัทรับผลิตสามารถให้คำแนะนำได้ทั้งหมด ตั้งแต่หน่วยงาน อย. (สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา), การขอ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม) หรือหน่วยงานอื่นๆที่จึงควรใช้ในผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการออกแบบ packaging ของผลิตภัณฑ์ เป็นบริการที่แยกออกมา พร้อมแจ้งราคาโดยประมาณให้กับคุณโดยที่ไม่ต้องหาที่ใหม่ ย่นระยะเวลา รวมทั้งช่วยลดภาระในส่วนนี้ไปได้ค่อนข้างมาก

3.โรงงานรับผลิต จะมีนักศึกษาค้นคว้า/นักวิทยาศาสตร์/ผู้เชี่ยวชาญ ที่ศึกษาค้นคว้าสูตรในการผลิตผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด สำหรับเจ้าของกิจการที่ยังไม่มีสูตรเป็นของตนเอง หรือ อยากได้สูตรใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน บริษัทรับผลิตมีสูตรให้เลือกมากมายก่ายกอง หากมีความต้องการในต้นแบบไหนก็สามารถแจ้งเหตุมุ่งมาดปรารถนาให้โรงงานที่เป็นประเภท OEM พัฒนาสูตรเฉพาะสำหรับคุณได้ทันที

ค่าใช้จ่ายจะนานับประการในแต่ละสูตร/โรงงานที่รับผลิต ข้อดีคือมีการจัดการควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างมีระบบและก็ตามมาตรฐาน ทำให้สินค้าในแต่ละล็อตนั้นมีคุณภาพคงเดิมทุกหน ทั้งยังมีความสบายสบายรวมทั้งรวดเร็วในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น การบรรจุ การจัดส่ง รวมถึงการจดทะเบียน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทำให้ธุรกิจแคล่วคล่องว่องไวพร้อมขายได้ไวเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ข้อผิดพลาด

1.ข้อตำหนิของการจ้างโรงงานผลิตอาหารเสริมก็คือเราจะบางครั้งก็อาจจะจำต้องแชร์สูตรการผลิตกับแบรนด์อื่นๆถ้าทางนักค้นคว้าไม่สามารถสร้างสรรค์สูตรเฉพาะให้ได้ ทำให้สินค้าของเราไม่ได้แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆในตลาด และเจ้าของแบรนด์นั้นบางครั้งอาจจะไม่ได้ติดตามควบคุมทุกขึ้นตอนของการสร้างด้วยตัวเอง

เลือกที่จะสร้างโรงงานผลิตเอง

“ต้องการสร้างโรงงานเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เอง” ก็เป็นเยี่ยมในความคิดของนักธุรกิจคนไม่ใช่น้อย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างแบรนด์ไปพร้อมๆกับการมีโรงงานเป็นของตัวเอง เพื่อขยับขยายกิจการ เปิดโอกาสทางหารายได้ที่มากขึ้น โดยลดทุนจากการที่จะต้องจ้าง Outsource มาผลิตผลิตภัณฑ์ให้ แต่ ภาพรวมของการเลือกที่จะสร้างโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เองเป็นจะต้องลงทุนในประเด็นต่างๆทุกสิ่งด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ที่ตั้งโรงงาน อุปกรณ์การผลิต ค่าคิดค้นสูตร ศึกษาค้นคว้าสูตร เป็นต้น

จุดเด่น

ถ้าเป็นสูตรที่ผ่านการพัฒนาจนยอดเยี่ยมแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าสูตรจะรั่วไหลไปถึงบุคคลภายนอก เพราะเหตุว่าเป็นสูตรที่คุณสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง ก็เลยไม่มีความจำเป็นที่ต้องแชร์สูตรกับผู้ใดกันแน่ นำมาซึ่งการทำให้สินค้าที่ไม่ว่าจะเป็นครีม อาหารเสริม เครื่องแต่งหน้า จะมีเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน และไม่มีผู้ใดเหมือน มีสูตรไม่ซ้ำกับแบรนด์ในตลาด เนื่องจากว่าเจ้าของแบรนด์สามารถควบคุมการผลิตได้ทุกขั้นตอน ถ้าเกิดจะต้องปรับเปลี่ยนสูตรก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เหมาะสำหรับอาหารเสริมที่อยากวิธีที่ประณีตบรรจงรวมทั้งถ้วนถี่มากมายๆ

ข้อตำหนิ

ต้องลงมือคิดแผนทำเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีผู้ให้คำแนะนำสำหรับเพื่อการผลิต ย้ายฐานการสร้างยาก แล้วก็จะต้องใช้เงินลงทุนสูงสำหรับในการสร้างโรงงาน เพราะว่าผู้ครอบครองแบรนด์นั้นต้องลงทุนซื้อเครื่องมือที่ใช้ในการผลิต โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่จะต้องใช้เทคโนโลยีในการช่วยผลิต อย่างอาหารเสริม ในแบบ การอัดเม็ด แบบซอฟเจล เป็นต้น นอกจากยังต้องเสียเวลาสำหรับเพื่อการวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารเสริมเอง ต้องมีอีกทั้งเครื่องมือ นักวิจัย จ้างพนักงานผลิต รวมทั้งห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่พร้อม ภาพใหญ่โดยรวมค่อนข้างยุ่งยาก ยากต่อการควบคุมคุณภาพ

สภาพตลาดอาหารเสริม

แนวโน้มความต้องการอาหารเสริมสมุนไพรในปัจจุบันการนำมรดกที่ภูมิปัญญาไทยอย่างสมุนไพร มาปรับปรุงต่อยอดให้เป็นอาหารเสริมนั้นเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน มีการปรับปรุงแก้ไขผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับช่วง นับว่าเป็นเรื่องที่ท้าคนที่พึงพอใจลงทุนในธุรกิจนี้มหาศาล มีการคาดการณ์ในอนาคตอันใกล้ว่า ลักษณะส่วนประกอบทางด้านสังคมจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมคนชรา ส่งผลให้ผู้ใช้มีพฤติกรรมที่หันมาเอาใจใส่สุขภาพกันเยอะขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยทำงานรวมทั้งคนแก่ซึ่งเป็นกรุ๊ปผู้ใช้ที่ดูแลตัวเองผ่านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆยกตัวอย่างเช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์ ผักสมุนไพร อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการผสมวิตามินหรือแร่บางจำพวกที่ส่งเสริมลักษณะการทำงานของร่างกาย ฯลฯจากข้อมูลของศูนย์พินิจพิจารณาเศรษฐกิจ ครั้งเอ็มบี หรือ TMB Analytics พบว่าธุรกิจสินค้าอาหารเสริมของไทยเติบโตต่อเนื่องแล้วก็ทำกำไรค่อนข้างจะดี

โดยในตอน 5 ปีที่ล่วงเลยไปเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี รวมทั้งธุรกิจนี้ยังสามารถทำอัตราผลกำไรขั้นแรก (Gross Profit Margin) ได้ออกจะสูงราว 40-50% ต่อรายได้ แต่ในตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเราชอบได้ยินข่าวในทางลบเกี่ยวกับอาหารเสริมในกรุ๊ปของความงามรวมทั้งลดความอ้วน อีกทั้งในเรื่องคุณภาพสินค้าและก็การโฆษณาที่เกินจริง จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือโดยเฉพาะกับกรุ๊ปธุรกิจSMEs

ที่ได้รับความย่ำแย่มากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ที่เป็นต่อในด้านเกียรติศักดิ์แล้วก็อยู่ในตลาดมานานอย่างไรก็ดีกระแสรักสุขภาพที่มาแรงเปลี่ยนเป็นแรงขับเขยื้อนของตลาดอาหารเสริม ประกอบกับผู้บริโภคยอมชำระเงินให้กับผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ยังคงทำให้ตลาดอาหารเสริมสมุนไพรที่มาจากธรรมชาติสามารถเติบโตได้ แม้กระนั้นผู้ใช้มีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะเพิ่มมากขึ้น

บวกกับการคาดคะเนหวังในเรื่องของความสามารถและก็ความปลอดภัย แต่ว่าจำเป็นต้องไม่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินเหตุ ซึ่งคนซื้อจะแปลงเป็นผู้กำหนดทิศทางของตลาด นอกเหนือจากการแข่งขันอันดุเดือดเลือดพล่านแล้ว นี่ถือเป็นความท้าที่ผู้ประกอบกิจการจำต้องปรับนิสัยรวมทั้งจัดเตรียมตั้งรับให้ทัน เพราะว่าบางทีอาจไม่ใช่แค่ความอยู่รอด แม้กระนั้นหมายความว่าความมั่นคงของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

อาหารเสริมกรุ๊ปไหนน่าลงทุนทำแบรนด์ตัวเอง ?

อาหารเสริมที่นิยมกันในตอนนี้มีหลายกรุ๊ป อย่างเช่น กลุ่มโปรตีนที่มาจากพืช กลุ่มระบบภายในสตรี กรุ๊ปดูแลผิวพรรณ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมองหากลุ่มเป้าหมายของตนเองให้ได้ก่อนว่า จะย้ำทำตลาดกลุ่มไหน และก็จำเป็นต้องสอดคล้องกับแนวโน้มความปรารถนาของกลุ่มคนซื้อในอนาคต จากข้อมูลขององค์กรสหประชาชาติพบว่าในปี 2030 ไทยจะมีรูปร่างคนวัยแก่ถึง 20% ของจำนวนประชากรไทยทั้งปวง

และมีลัษณะทิศทางที่จะอายุยืนมากขึ้น นี้ถือเป็นอีกช่องว่างแล้วก็โอกาสทางธุรกิจ ควรจะเน้นไปที่กลุ่มเฉพาะโรค สามารถเล่าเรียนข้อมูลได้จากงานศึกษาวิจัยต่างๆแล้วเอามาต่อยอดพัฒนาเป็นธุรกิจ มีหลายแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการทำศึกษาค้นคว้าเป็นเวลานับเป็นเวลาหลายปี จนได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเปลี่ยนเป็นเป็นที่ยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงสมองและก็ความจำ

หรือช่วยลดความเสี่ยงในการกำเนิดโรคต่างๆที่โดยมากเกิดกับกลุ่มผู้สูงวัย ได้แก่ โรคหัวใจและความดัน กระดูกแล้วก็ข้อเสื่อม โรคเบาหวาน มะเร็ง แล้วก็โรคที่เกี่ยวกับสายตารวมทั้งการได้ยิน ฯลฯ รวมทั้งวัยทำงานที่จะต้องใช้กำลังกายแล้วก็พลังทางความคิดอย่างมาก ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาดูแลตนเองทั้งการเลือกรับประทานอาหารรวมทั้งการพักผ่อนอย่างเพียงพอ สุขภาพย่ำแย่ไปกับการทำงานตลอดทั้งวันจนถึงอ่อนล้า

ทำให้สมองดำเนินการได้ไม่เต็มสมรรถนะ และก็ได้โอกาสป่วยได้ง่ายยิ่งกว่าปกติ ฉะนั้นผู้ที่สนใจลงทุนในกรุ๊ปธุรกิจนี้ควรที่จะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจถึงความต้องการของคนซื้อ ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มาจากธรรมชาติยังมีขายในตลาดเพียงแค่ไม่กี่ชนิด การต่อยอดสินค้าในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสมุนไพรรวมทั้งสารสกัดที่ได้มาจากธรรมชาติยังมีอยู่น้อยเช่นกัน นี่ก็เลยเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับมือใหม่ในธุรกิจอาหารเสริมได้อีกมาก

ประกอบอาหารเสริมแบรนด์ตนเอง ต้องตระเตรียมงบประมาณมากแค่ไหน ?

ในส่วนของงบประมาณเริ่มต้นสำหรับการลงทุนทำแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง คงยากที่จะระบุเป็นตัวเลขลงไปให้ชัดเจนซึ่งมีตั้งแม้กระนั้นหลักแสนไปจนกระทั่งหลักล้าน เพราะว่าแต่ละคนมีจุดประสงค์สำหรับการสร้างแบรนด์ที่แตกต่าง ค่าใช้จ่ายสำคัญๆแบ่งได้ 3 ส่วน คือ

1.งบประมาณด้านผลิตภัณฑ์วัตถุดิบที่เลือกใช้มีต้นทุนที่ไม่เหมือนกัน เป็นวัตถุดิบที่ลือชื่อแล้วก็หายากเท่าไร ส่วนผสมหรือสมุนไพรที่ใช้ผ่านการยืนยันจากองค์การของกินและยาหรือเปล่า ถ้าหากไม่เคยถูกจดทะเบียนมาก่อน จะต้องทำเรื่องขอ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาใหม่ ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก สร้างจากไทยหรือนำเข้าจากต่างแดน จำนวนส่วนประกอบสำคัญที่ใส่ลงไป และจะทำออกมาในลักษณะใด มีอีกทั้งแบบแคปซูล แบบผง หรือแบบน้ำ เพราะเหตุว่าทุนต่อหน่วยการสร้างไม่เหมือนกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดต้องการให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดแบบน้ำเห็นผลได้ดีสุด แต่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงสุด ตามมาด้วยแบบแคปซูล แล้วก็ท้ายที่สุดเป็นแบบผงชงดื่ม นอกจากนั้นยังมีต้นแบบบรรจุภัณฑ์ที่จำเป็นต้องพิจารณาอีกด้วย

2.งบประมาณด้านการตลาดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ควรจะเตรียมให้มากพอกระทั่งแบรนด์จะเป็นที่รู้จัก ทั้งในส่วนของการโฆษณา ผลักดันการขาย แล้วก็การโปรโมท งบด้านการตลาดต้องกำหนดไว้ตั้งแต่ทีแรก เพราะว่าไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าต้องใช้เวลานานมากแค่ไหนกว่าผลิตภัณฑ์จะเริ่มจัดจำหน่ายออกไปได้ ซึ่งงบประมาณการตลาดนั้นไม่สมควรมากเกินไปจนถึงทำให้รายจ่ายบานปลาย ส่วนจะมีประสิทธิภาพในการจัดแจงยังไง ก็ขึ้นอยู่กับช่องทางสำหรับในการใช้งบประมาณด้วย

3.งบประมาณด้านการปฏิบัติงานมีค่าดำเนินการสำหรับเพื่อการใช้บริการ OEM ซึ่งเป็นระบบที่เน้นย้ำในประเด็นการผลิตผลิตภัณฑ์ตามคำสั่งซื้อ โดยที่ผู้ประกอบกิจการสามารถเปิดธุรกิจเป็นของตนเองได้ทันที แม้จะไม่ช่ำชองด้านการผลิตหรือคิดแผนยุทธวิธีด้านการขายก็ตาม ตัวอย่างเช่น ค่าวิจัยแล้วก็ปรับปรุงสูตร ค่าขึ้นบัญชีกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ค่าลงบัญชีสัญลักษณ์ ค่าการสั่งผลิต ค่าบรรจุตัวยา ค่าออกแบบบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ

รู้ไหมครับผม !!! เพราะเหตุใดคนทำแบรนด์อาหารเสริมมากกว่า 90% ถึงเจ๊ง

1.เหตุผลหลักของคนทำธุรกิจอาหารเสริมที่เจ๊งเนื่องจากว่าประสิทธิภาพของสินค้ามิได้ตามคุณลักษณะกลางแจ้งเอาไว้ภายในฉลากหรือเว็บ เหตุที่ทำให้คุณภาพไม่ได้มีหลายอย่างไม่ว่ากระบวนการผลิต คุณภาพของวัตถุดิบ ฯ

2.การตลาดในต้นแบบเดิมๆใช้เน็ตไอเดิลยังพอได้ แม้กระนั้นไม่เสนอแนะเนื่องจากตอนนี้เน็ตไอเดิลต่างๆหน้าบอบช้ำด้วยเหตุว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ถือสินค้าจนถึงเยอะไปหมด ผู้บริโภคเข้าถึง่ข้อมูลและไม่มีความเชื่อถือในตัวเน็ตไอเดิลพวกนั้นแล้ว ทางรอดน่าจะเป็นวิธีการทำตลาดผ่านกรุ๊ป Micro Influlencer

3.การเลือกนักการตลาดมาช่วยจำเป็นต้องไตร่ตรองผลงานของเขา ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจอาหารเสริม รวมถึงข้อมูลเชิงลึกความประพฤติปฏิบัติของผู้ที่จะกินอาหารเสริมประเภทนั้นๆด้วย

4.งบประมาณด้านการตลาดจะต้องมีอย่างต่ำ ครึ่งๆกับงบประมาณผลิตภัณฑ์ ดังเช่นว่าผลิตผลิตภัณฑ์ 5 แสน ก็ควรจะมีงบการตลาดอย่างต่ำ 5 แสนที่จะต้องมีอยู่ในกระเป๋าเลย

5.งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัย สามารถเอามาต่อยอดในเชิงพาณิชได้จริง แม้กระนั้นพวกเราจะต้องพยายามเดินเข้าพบทางภาครัฐเอง ด้วยเหตุว่ารัฐบางครั้งอาจจะโปรโมทไม่ทั่วถึง เพราะข้อมูลบนอินเตอร์เน็นโดยส่วนใหญ่จะถูกกรุ๊ปโรงงานปาดหน้า ทำให้ข้อมูลรัฐค้นหาไม่เจอ

6.รัฐมีเงินทุนสนับสนุนตั้งแต่งานวิจัย ไปจนถึงช่วยสำหรับเพื่อการทำการตลาด มีตัวอปิ้งแบรนด์อาหารเสริม เครื่องสำอางหลายแบรนด์ที่ให้น้ำหนักกับการทำงานศึกษาค้นคว้าเป็นปีๆจนได้สินค้าคุณภาพออกสู่ตลาด และก็ได้รับการยอมรับสร้างยอดจำหน่ายเป็นร้อยล้าน โดยไม่ต้องชิงชัยกับตลาดที่ดุเดือดในขณะนี้

7.ทางออกสำหรับคนทำธุรกิจอาหารเสริมและก็เครื่องสำอาง คือการสร้างไม่เหมือนกันตั้งแต่ตัวสินค้า นวัตกรรม โดยใช้งานวิจัยเป็นตัวตั้งต้น กลยุทธ์ตลาดรวมถึงทีมทำการตลาดที่มีความรู้และมีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ พฤติกรรมผู้บริโภค ถ้าหากจะส่งไปที่ต่างประเทศสิ่งเหล่านี้ต้องมีความพร้อมเพรียงตั้งแต่ในบ้าน รวมถึงจำเป็นต้องรู้มาตรฐานต่างๆที่เป็นสากล ที่แต่ละประเทศยอมรับ

moonbigpapi