เว็บดูอนิเมะ
เว็บดูอนิเมะ หลายท่านคงจะมีความรู้สึกว่าการดูอนิเมะเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ถ่วงเวลา และไม่มีสาระ สรุปแล้วการดูอนิเมะไม่มีประโยชน์เลยหรอ? ไม่จริงหรอกค่ะ เนื่องจากว่าทุกสิ่งจะต้องมีทั้งยังคุณประโยชน์รวมทั้งโทษ ฉะนั้นการดูอนิเมะก็มีคุณประโยชน์เช่นเดียวกัน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง~ ดูการ์ตูนได้ที่ เว็บดูอนิเมะ
1.ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินเจริญใจ
เราเชื่อว่าทุกคนดุการ์ตูนก็เพราะเหตุว่ามันให้ความบันเทิง แล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย อย่างเรื่อง รับประทานทามะ ก็เป็นอนิเมะเรื่องหนึ่งที่ตลกโปกฮามากมายๆๆๆทำให้เวลาดูแล้วเราจะรู้สึกสนุกสนานจ้ะ
2.กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดจินตนาการ
อนิเมะทำให้เราเกิดไอเดียสร้างสรรค์และก็จินตนาการ แต่ว่าการจินตนาการนั้นก็ควรมีขอบเขตด้วยนะ อนิเมะบางเรื่องอย่างchuunibyou demo koi ga shitai ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มของผู้คนที่รู้สึกว่าตนเองมีพลังพิเศษ อันนี้ก็เกินความเป็นจริงไป พวกเราก็จะต้องแยกแยะบ้างนะ
3.ได้ทำความเข้าใจภาษา
ที่แน่ๆคือได้คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นหลายคำเลย ยิ่งถ้าเกิดเรามองซับเป็นภาษาอังกฤษเราก็จะได้ภาษาอังกฤษด้วย แล้วหลังจากนั้นก็เป็นแรงดลใจที่ทำให้อยากเรียนภาษาประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆด้วย บางคนเรียนภาษาประเทศญี่ปุ่นเพราะเหตุว่าไม่ต้องการที่จะอยากคอยซับ หรือไม่ก็ประเด็นนั้นโดนLCในไทยแล้ว อยากมองแบบสดหรือRAW ซึ่งจะทำให้พวกเราดูรู้เรื่อง รวมทั้งชี้ให้เห็นรวมทั้งรู้เรื่องภาษาญี่ปุ่นมากขึ้นอีกด้วย
4.ได้ทำความรู้จักกับคนอื่นเยอะขึ้นเรื่อยๆ
จากประสบการณ์ของพวกเรา ธรรมดาเราจะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยคุยกับคนใดกัน แต่พอผู้ใดกันแน่คุยเรื่องอนิเมะแค่นั้นล่ะ… คุยกันแบบนำ้ไหลไฟดับ หลายครั้งที่เราสนิทกับเพื่อนได้พวกเราด้วยเหตุว่ามองอนิเมะเช่นเดียวกัน คนที่ชอบอะไรแบบเดียวกันก็น่าจะรู้เรื่องกันได้ดีกว่าเนอะ
5.บอกให้เห็นถึงมิตรภาพ
อนิเมะส่วนใหญ่จะสอนเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนพ้อง โดยแสดงให้เห็นถึงความกลมเกลียว การทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งจะทำให้บรรลุความสำเร็จ ในอนิเมะกีฬาส่นใหญ่ ก็จะสอนว่า พวกเราไม่อาจจะทำอะไรสำเร็จได้ด้วยตัวผู้เดียว ต้องร่วมมือกันก็เลยจะไปถึงเป้าหมาย
5.ได้ข้อคิดเตือนใจ
อนิเมะเกือบทุกเรื่องจะให้ข้อคิดเตือนใจว่า คนดี ย่อมชนะ คนเลว หรือ คุณงามความดี ย่อมชนะ ความชั่ว ยกตัวอย่างเช่น เรื่องcode geass ในตอนสุดท้าย ลูลุซที่เป็นคนชั่วช้าสารเลวก็ถูกซุซาลุกฆ่าตาย เป็นต้น
6.เรียนรู้วัฒนธรรม รวมทั้งจารีตประเพณี
ในอนิเมะก็จะมีการแสดงวัฒนธรรมต่างๆได้แก่ การแต่งกาย ภาษา อาหาร รวมถึงการละเล่นต่างๆและจารีตประเพณีต่างๆดังเช่น การไปงานเทศกาล เป็นต้น ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น และทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆอีกด้วย
7.เป็นแรงจูงใจสำหรับเพื่อการทำสิ่งต่างๆ
พวกเราเป็นผู้ที่ไม่ค่อยถูกใจเล่นกีฬาเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวอลเล่ย์บอล แม้กระนั้นพอเพียงเรามองเรื่องhaikyuuก็ทำให้เราพอใจกีฬาวอลเล่ย์บอลมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นก็ทำให้เราอยากเล่น อีกเรื่องนึงที่เป็นแรงผลักดันให้เราก็คือ โอตาระอุน่องเหล็ก ในช่วงเวลานี้เราอยากได้จักรยานเสือหมอบมากมาย ด้วยเหตุว่า เห็นในประเด็นนี้เค้าขี่กันแล้วรู้สึกอยากปั่นจักรยานมากๆแต่พวกเราก็จำต้องเอาอย่างในสิ่งที่ดีนะ การกระทำต่างๆในอนิเมะที่ไม่ดี พวกเราก็ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างนะ
เหตุผลที่ไม่ดูอนิเมะ
แม้คุณจะดูอนิเมะมีเหตุผลที่ดี แต่ว่าก็มีเหตุมีผลที่ไม่ดูอนิเมะด้วยเช่นเดียวกัน อะไรทำให้บางคนรังเกียจอนิเมะ? เราได้กล่าวไปแล้วว่ามันเป็นเพียงการวาดภาพหรือคำบรรยาย แม้กระนั้นมันเป็นเพียงแค่นั้น?
หลายๆคนล้มเหลวในการดูหรือไม่ชอบอนิเมะเนื่องจากว่าเสียงของนักแสดงและภาษาประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้ระคาย มาตรฐานความสวยสดงดงามของประเทศญี่ปุ่นคือความน่ารักน่าเอ็นดูด้วยเหตุนี้เสียงของผู้แสดงก็เลยดูบางเบามองเป็นเด็กและก็ดูเหมือนจะครวญ
อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความหงุดหงิดดวงใจให้กับแฟนๆอนิเมะก็คือปริมาณที่ไร้สาระ บริการพัดลม เสนอในอะนิเมะแม้ว่าจะอยู่นอกชนิด shounen สิ่งต่างๆดังเช่นว่าหนวดอกรวมทั้งยกทรงระยะใกล้ทำให้ดูท่าคุณกำลังมองภาพยนตร์ +18
อนิเมะบางเรื่องมีเรื่องมีราวราวที่ไม่มีการเชื่อมต่ออะไรก็ตามบ้าๆบอๆรวมทั้งไม่ถูกไปจากความเป็นจริง ผลงานอื่นๆดูเหมือนสำเนาของกันและกันมีลักษณะท่าทางตัวอย่างเช่น isekai อะนิเมะ รวมทั้งอื่นๆที่จบลงด้วยการผลิต ความนึกคิดโบราณซ้ำๆ.
คนอื่นที่ชอบใจภาพวาดก็ไม่สามารถเพลิดเพลินกับแอนิเมชั่นญี่ปุ่นได้ แน่นอนว่าคะแนนทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกันและไม่เป็นค่าสัมบูรณ์ แม้กระนั้นการปรากฏตัวของเขาในผลงานบางชิ้นทำให้คนที่มีความสามารถเกลียดแอนิเมชั่นญี่ปุ่น คุณเห็นด้วยกับเรื่องจริงกลุ่มนี้หรือเปล่า? เว็บดูอนิเมะ
10 หนังอนิเมะ “น่าดู” เสนอแนะว่า ไม่ควรพลาด!
1. Grave of the Fireflies (ป่าช้าหิ่งห้อย) , 1988
เริ่มต้นเรื่องแรกก็ดราม่าปวดตับกันเลยทีเดียว สำหรับหนังอนิเมชั่นเรื่องแรกๆจากสตูดิโอจิบลิประเด็นนี้ ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องชายหญิงกับโศกนาฏกรรมที่พวกเขาจะต้องเผชิญในช่วงสงครามโลก โดยความสะดุดตาของผลงานนี้ อยู่ตรง “ความดราม่า” กับการสะท้อนความจริงอันแสนทารุณโหดร้ายในสงครามได้อย่างถ่องแท้ถึงทรวง แบบไม่มีคำว่า “โลกงาม” กำหนดในพจนานุกรมของพวกเขา คือ เว้นแต่ดูแล้วจะทำให้พวกเราได้รู้สึกร่วม หรือทำให้ระลึกถึงความโชคดีที่เกิดในช่วงปัจจุบันแล้ว บางคนยังบางทีอาจได้ “ความจิตตก” แถมมาด้วย
2. Totoro (โทโทโร่ เพื่อนรัก) , 1988
ถัดมา ต่อกันที่ผลงานอีกเรื่องจากสตูดิโอจิบลิในปีเดียวกัน โดยการกำกับจาก อ.ฮายาโอะ ไม่ยาซากิ (Hayao Miyazaki) ปรมารจารย์ที่แวดวงอนิเมชั่นของประเทศญี่ปุ่น เป็นเรื่องราวมิตรภาพที่แสนสวยและเต็มไปด้วยจินตนาการของเด็กผู้หญิงกับเพื่อนฝูงภูตผีปีศาจตัวใหญ่ “โทโทโร่” โดยเว้นเสียแต่พวกเราจะได้อิ่มเอมไปกับเรื่องราวดีๆซึ้งๆจากการเสี่ยงอันตรายของเด็กสาวแล้ว งานภาพยังงามแบบคลาสสิก แถมเรื่องแนวคิดยังเสริมสร้างแรงจูงใจและความคิดริเริ่มเจริญแท้อีกด้วย จนไม่สนเท่ห์ใจเลยว่า เพราะเหตุใดหนังอนิเมชั่นหัวข้อนี้ถึงยอดเยี่ยมในผลงานในดวงใจของใครหลายคน
3. Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) , 2001
ผลงานจากสตูดิโอจิบลิยังไม่จบเพียงเท่านั้น เนื่องจากว่าผลงานชิ้นยอดเยี่ยมที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆจิบลิเยอะที่สุด ได้มาปรากฏในปี 2001 อีกเรื่อง กับเรื่องราวการเสี่ยงอันตรายต่างมิติของเด็กหญิงในเมืองวิญญาณ ที่มีกลื่นอายความเชื่อศาสนาแบบญี่ปุ่นเข้ามาเกี่ยว ซึ่งนอกจากรายละเอียดจะสนุกสนานเชิญติดตาม งานภาพที่สวย เอาใจใส่เนื้อหา แถมเต็มไปด้วยจินตนาการสุดพุ่งพร่านแล้ว ส่วนประกอบต่างๆของหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ยังลงตัว อีกทั้ง ตัวละคร เพลงประกอบที่ฟังมองญี่ปุ๊นน.. ประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งสามารถทำให้เราเคลิ้มราวกับหลุดไปกับผู้แสดงนำของเรื่องเมื่อใดก็ตามได้ฟัง
4. The Girl Who Leapt Through Time (กระโดดจั้มพ์ทะลุข้ามเวลา) , 2006
มาต่อกันที่หนังอนิเมชั่นม้ามืดจากสตูดิโอ Madhouse เรื่องเก่าประเด็นนี้ เรื่องราวของเด็กหญิงที่อยู่ๆก็พบว่าตนเองสามารถกระโดดย้อนเวลากลับไปปรับแต่งอดีตได้ ซึ่งเรื่องราวก็จะวนๆอยู่กับเรื่องสหายคนคุ้นเคยของเธอเป็นส่วนมาก เอาจริงเอาจังอนิเมชั่นเรื่องนี้ในเรื่องงานภาพจัดว่าธรรมดานะ แต่ว่าในเรื่องแนวคิดที่ปรารถนาสะท้อนให้ผู้ชมได้มองเห็น และก็จุดหักมุมที่มีการพลิกผัน ทำให้ได้ใจและก็เป็นอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งที่มีอะไรจำต้องเก็บเอามาคิดทีเดียว โดยเฉพาะกับเรื่องของ “เวลา” และก็ “คนข้างตัว”
5. Tekkon Kinkreet , 2006
ถือเป็นหนังอนิเมชั่นเรท R เส้นชั่วร้าย! แนวคิดเสียดสีเผ็ดแสบ ที่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะหาดูยากบนเว็บบ้านพวกเรา แต่ว่าควรค่าแก่การหามาเสพมาก เกี่ยวกับเรื่องราวการต่อสู้เพื่อรักษาเขตแดนที่แสนวุ่นวายจากกลุ่มนักลงทุนของสองญาติเด็กจรจัดขาโจ๋ ดำ (Kuro) แล้วก็ ขาว (Chiro) ด้านในเมืองที่ดูแลด้วยความร่วมแรงร่วมใจระหว่างอำนาจมืดของแก๊งค์ยากูซ่ากับผู้พิทักษ์สงบราฎร์ ผลงานการกำกับ Michael Arias – Art Designer คนประเทศอเมริกา ซึ่งใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นมา 10 ปี ดัดแปลงแก้ไขมาจากมังงะของ Taiyo Matsumoto รวมทั้งได้รับรางวัล Japan Academy Award 2007 เป็นการรับประกันคุณภาพมาแล้ว โดยความสะดุดตาของผลงานชิ้นนี้ อยู่ตรง “ความละเอียด” แล้วก็ “ลึก” สำหรับในการถ่ายทอดแนวคิดที่สะท้อนผ่านอีกทั้งด้านงานภาพและก็ตัวเรื่องที่ “ดาร์กอย่างสดใส” ไม่ซ้ำใคร ผ่านตัวเอกทั้งคู่ สรุปว่า ไปลองหาดูกันนะ ได้บันเทิงใจและก็โลดแล่นไปกับจินตนาการอย่างมีอะไรให้คิดดีแหละ
6. 5 cm Per Second (ยามซากุระร่วงโรย) , 2007
แล้วหลังจากนั้นก็มาถึงคิวของอนิเมชั่นที่สุดของที่สุดแห่งความซาบซึ้ง จาก อำเภอมาโกโตะ ชินไค ที่เอาอกเอาใจแล้วก็ตับคนอีกหลายๆคนมาแล้วหัวข้อนี้ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องระหว่าง ความรัก ระยะทาง รวมทั้งระยะเวลา ของชายหนุ่มต่อหญิงสาว เรื่องราวดำเนินไป ก็บีบหัวใจผู้ชมไป กับอีกทั้ง 3 section เพราะเหตุว่าไม่ใช่แค่การถ่ายทอดอารมณ์ผ่านภาพได้อย่างพิถีพิถันละออ แบบที่มองเห็นแล้วยังจำต้องยอมแล้ว ในเรื่องของ บท การดำเนินเรื่อง แง่มุมความนึกคิด ยังลึกซึ้งกินใจ กระทั่งผู้ชมยากที่จะปฏิเสธ ที่สำคัญเพลงประกอบทั้งเรื่องยังด้วยเหตุว่ามาก ความหมายก็ยังดีอีกด้วย เป็นถ้าเกิดผู้ใดกันแน่มิได้ดูประเด็นนี้ ถือว่าพลาดมากมาย แม้กระนั้นต้องระวัง เพราะบางคนบางทีอาจถึงกับขนาดซึมไป
7. Ponyo (โปเนียว ลูกสาวมหาสมุทรเสี่ยงภัย) , 2008
แล้วหลังจากนั้นก็กลับมาที่สตูดิโอจิบลิอีกที กับผลงานน่ารักน่าเอ็นดูๆสีสันผ่องใส ว่าด้วยโลกใหม่ใบเดิมของเจ้าฟ้าหญิงปลาตัวน้อย “โปเนียว” สำหรับในการเสี่ยงภัยฉบับภาคพื้นดินของเธอกับเด็กชายสหายใหม่ คือหนังอนิเมชั่นประเด็นนี้ สำเร็จงานที่ตีจินตนาการให้ฟุ้งกระจายอย่างยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ ด้วยการดำเนินเรื่องอย่างง่ายๆในอารณ์ไม่รู้เดียงสาแบบเด็กๆแม้กระนั้นก็ยังไม่วายแฝงแง่คิดเรื่องความเกี่ยวข้องครอบครัวรวมทั้งธรรมชาติเข้ามาให้คิดถึงกัน ความเด็ดอีกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นเพลงประกอบนี่แหละ เวอร์ชั่นปกติก็น่าร้ากกก.. ส่วนเวอร์ชั่นโอเปร่าก็ปลุกใจทำให้หัวใจโป่งพองดีแท้ (ฮา)
8. Summer Wars (เรื่องยุ่ง เครือญาติใหญ่) , 2009
มาที่ผลงานสนุกๆลับสมอง แข่งขันความเฉลียวฉลาด ที่มองมีความเป็นวีรบุรุษหน่อยๆจากสตูดิโอ Madhouse อีกประเด็น ซึ่งคงจะชื่นชอบชาวเทคโนโลยีสารสนเทศหรือคอคณิต กล่าวถึงการต่อสู้ในโลกเปรียบเสมือนบนระบบเครือข่ายของ “มนุษย์” ในร่างอวตารกับ “AI ” ที่ก่อความวุ่นวายให้กับระบบสาธารณูปโภค จนกระทั่งไปถึงการปล่อยขีปนาวูธ เป็นหัวข้อนี้มีหลายข้อคิดเห็น บ้างก็ว่าบันเทิงใจ บ้างก็ว่าปวดศรีษะ เนื่องจากว่าตัวเรื่องมีการใช้ชั้นเชิงแล้วก็กล่าวในเชิงภาษาคอมพิวเตอร์รวมทั้งเลข แม้กระนั้นเอาจริงๆถ้าเกิดคนใดกันไม่ติดปัญหานี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรือเข้าใจยากอะไร อนิเมชั่นเรื่องนี้จัดว่ามันส์! รวมทั้งสนุกสนานมาก!! เพราะว่าเป็นการต่อสู้ที่ทำให้ทุกคนสามารถจะรู้สึกร่วมได้ แถมยังสร้างเสริมความรักในครอบครัวอีกด้วยนี่สิ
9. Children Who Chase Lost Voices (เด็กหญิงกับเสียงเพรียกแห่งพิภพเทพา) , 2011
มากันที่อนิเมชั่นเรื่องถัดไป จาก อ.ชินไค อีกหัวข้อ เรื่องนี้เป็นแถวแฟนตาซีจ๋า เกี่ยวกับการเดินทางเสี่ยงภัยของเด็กหญิง เพื่อนำผู้เป็นที่รักกลับมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน ตัวเรื่องจะเอ่ยถึงเรื่องความเลื่อมใส จิตวิญญาณ รวมทั้งชนเผ่าโบราณ ซึ่งก็เป็นจังหวะให้พวกเราล่องลอยไปในบรรยากาศภาพงามๆเรื่องราวแอบๆหงอยเหงาของ อำเภอชินไค อีกที แม้กระนั้นความโดดเด่นมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของแนวคิดรวมทั้งจินตนากรที่ใส่เข้าไปสำหรับการเดินเรื่องมากกว่า หากแม้บางครั้งอาจจะเป็นอนิเมชั่นที่ไม่ทำใหซาบซึ้งอะไรนัก ถ้าหากเปรียบเทียบกับผลงานเรื่องก่อน แต่ว่าอนิเมชั่นประเด็นนี้ก็แฝงแง่คิดอะไรให้คนดูก้าวหน้าทีเดียว ที่สำคัญ เพลงประกอบหลัก เนื่องจากว่าอีกนั่นแหละ!
10. Hotarubi No Mori E (สู่ป่าแห่งแสงสว่างหิ่งห้อย) , 2011
ถ้าเกิดคนไหนกันถูกใจอนิเมชั่นสวยงามๆอย่างเรียบง่าย สไตล์ “นัตซึเมะกับบันทึกพิศวง (Natsume’s Book of Friends)” นี่จะเป็นหนังอนิเมชั่นที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งจริงๆ กล่าวถึงเรื่องราวความสัมพันธ์แสนบริสุทธิ์ที่ถักทอผ่านวันเวลาของเด็กหญิงกับภูตผีปีศาจหนุ่มในป่าใหญ่ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นอนิเมชั่นแบบอย่างภาพยนตร์ที่มีเวลาจำกัด แต่เรื่องราวกลับสามารถดำเนินไปอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปแต่กระชับ จนกระทั่งสามารถทำให้ผู้ชมอินรวมทั้งประทับใจไปกับเรื่องราวได้อย่างง่ายๆ ถือเป็นหนังอนิเมชั่น feel good ดีๆที่สุดท้ายแม้ว่าจะจบแบบที่พวกเราจำเป็นต้องพูดว่า… “อ้าว?” แม้กระนั้นก็ยังเป็นอนิเมชั่นน่าดูที่เหมาะสมแก่การบอกต่อเรื่องหนึ่งเหมือนกัน